Close Menu
  • Home
  • ข่าวสารล่าสุด
  • ความบันเทิง
Facebook X (Twitter) Instagram
bikramyogaphuket
  • Home
  • ข่าวสารล่าสุด
  • ความบันเทิง
bikramyogaphuket
ความบันเทิง

กล่องเสียงอักเสบ: เสียงแหบและเจ็บเวลา กลืน อาหาร

Timothy PetersonBy Timothy PetersonSeptember 2, 2025No Comments2 Mins Read

กล่องเสียงอักเสบ (Laryngitis) กลืน เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อกล่องเสียงหรือสายเสียงมีการอักเสบ มักทำให้เกิดอาการเสียงแหบ พูดลำบาก หรือถึงขั้นเสียงหายชั่วคราว อีกทั้งยังมีอาการร่วม เช่น เจ็บคอ แสบคอ หรือเจ็บเวลาที่กลืนอาหาร ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง ซึ่งแต่ละชนิดมีสาเหตุและแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันออกไป

สาเหตุของกล่องเสียงอักเสบ

  1. การติดเชื้อไวรัส
    กล่องเสียงอักเสบส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ เชื้อไวรัสจะทำให้เยื่อบุสายเสียงบวมและอักเสบ ส่งผลให้เกิดเสียงแหบและเจ็บคอ
  2. การติดเชื้อแบคทีเรีย
    แม้จะพบได้น้อยกว่า แต่การติดเชื้อแบคทีเรียก็สามารถทำให้เกิดกล่องเสียงอักเสบได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้น
  3. การใช้เสียงมากเกินไป
    การตะโกน พูดเสียงดัง ร้องเพลง หรือใช้เสียงติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้สายเสียงบวมและเกิดการอักเสบชั่วคราว
  4. สารก่อระคายเคือง
    การสูบบุหรี่ ควันบุหรี่ มลพิษ ฝุ่นละออง รวมถึงแอลกอฮอล์ สามารถทำให้กล่องเสียงเกิดการอักเสบได้
  5. กรดไหลย้อน (GERD)
    น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารที่ไหลย้อนขึ้นมาถึงลำคอและกล่องเสียง สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรังและนำไปสู่อาการเสียงแหบได้
  6. สาเหตุอื่น ๆ
    • ภูมิแพ้
    • การผ่าตัดบริเวณคอ
    • เนื้องอกหรือก้อนผิดปกติในกล่องเสียง
    • การใช้ยาบางชนิดที่ทำให้เยื่อบุแห้ง

อาการที่พบบ่อย

ผู้ที่เป็นกล่องเสียงอักเสบมักมีอาการดังนี้

  • เสียงแหบหรือเสียงหาย: อาการหลักที่สังเกตได้ชัดเจน บางรายอาจไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้เลย
  • เจ็บคอหรือแสบคอ: มักเกิดขึ้นพร้อมกับเสียงแหบ โดยเฉพาะเวลาพูดหรือกลืนอาหาร
  • เจ็บเวลากลืน: อาหารหรือเครื่องดื่มที่กลืนผ่านคออาจทำให้รู้สึกเจ็บมากขึ้น
  • ไอแห้ง: การอักเสบของกล่องเสียงอาจกระตุ้นให้เกิดการไอเรื้อรัง
  • ความรู้สึกมีเสมหะในคอ: ทำให้ต้องขากเสมหะบ่อย
  • ไข้ต่ำหรืออ่อนเพลีย: มักพบในกรณีที่มีการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

แม้กล่องเสียงอักเสบส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1–2 สัปดาห์ แต่หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น

  • เสียงแหบเรื้อรัง จากการใช้เสียงผิดวิธีหรือจากการสัมผัสสารก่อระคายเคืองเป็นเวลานาน
  • กล่องเสียงตีบแคบ ในกรณีที่มีการอักเสบเรื้อรังและเกิดแผลเป็น
  • การติดเชื้อแพร่กระจาย จากกล่องเสียงไปยังทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น หลอดลมหรือปอด
  • มะเร็งกล่องเสียง โดยเฉพาะในผู้ที่สูบบุหรี่จัดและดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

การวินิจฉัย

แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายร่วมกับการตรวจเฉพาะทาง เช่น

  • การส่องกล้องตรวจกล่องเสียง (Laryngoscopy) เพื่อดูความบวม แผล หรือก้อนผิดปกติ
  • การตรวจเลือด ในกรณีที่สงสัยการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • การตรวจการทำงานของสายเสียง สำหรับผู้ที่มีเสียงแหบเรื้อรัง

วิธีรักษากล่องเสียงอักเสบ

การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ

  1. การดูแลตนเอง
    • พักเสียง หลีกเลี่ยงการตะโกนหรือพูดเสียงดัง
    • ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กล่องเสียง
    • หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ที่ทำให้ร่างกายขาดน้ำ
    • ใช้เครื่องทำความชื้นในห้องเพื่อลดความแห้งของอากาศ
    • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และควันบุหรี่
  2. การรักษาทางการแพทย์
    • ยาลดการอักเสบหรือยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอลหรือไอบูโพรเฟน
    • ยาปฏิชีวนะ สำหรับกรณีที่ตรวจพบการติดเชื้อแบคทีเรีย
    • ยาลดกรดหรือยาควบคุมกรด สำหรับผู้ที่มีกรดไหลย้อน
    • การทำกายภาพบำบัดเสียง (Voice therapy) โดยนักบำบัดเสียง
  3. การรักษาในกรณีเรื้อรัง
    หากพบก้อนผิดปกติหรือเนื้องอก แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัดหรือการรักษาเฉพาะทางเพิ่มเติม

การป้องกัน

  • ใช้เสียงอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการตะโกนหรือพูดต่อเนื่องนาน ๆ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ รักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงสารก่อระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ฝุ่น และมลพิษ
  • รักษาสุขอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เพื่อลดการติดเชื้อไวรัส
  • ควบคุมภาวะกรดไหลย้อนด้วยการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
  • พักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด

  • อาการเสียงแหบหรือเจ็บคอไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์
  • มีอาการหายใจลำบากหรือกลืนอาหารลำบากรุนแรง
  • ไอมีเลือดปน
  • สูญเสียเสียงอย่างถาวรหรือมีอาการเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • มีประวัติการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานานและมีอาการเสียงเปลี่ยนแปลง

อาหารและเครื่องดื่มที่ช่วยฟื้นฟูกล่องเสียง

การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นตัวของกล่องเสียงและช่วยลดอาการเจ็บเวลากลืนอาหาร

  1. น้ำอุ่นและชาสมุนไพร
    น้ำอุ่นธรรมดาหรือชาสมุนไพร เช่น ชาคาโมมายล์หรือชาขิง ช่วยลดการอักเสบและทำให้คอชุ่มชื้น ควรหลีกเลี่ยงชาและกาแฟที่มีคาเฟอีนสูง เนื่องจากอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ
  2. ซุปใสและอาหารเหลว
    ซุปไก่ ซุปผัก หรือโจ๊กอุ่น ๆ ย่อยง่ายและไม่ระคายเคืองต่อกล่องเสียง อีกทั้งยังให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
  3. น้ำผึ้ง
    น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านการอักเสบและช่วยเคลือบเยื่อบุในลำคอ ทำให้รู้สึกชุ่มคอ เหมาะสำหรับการผสมกับน้ำอุ่นหรือชาอุ่น
  4. ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
    เช่น ส้ม กีวี สตรอว์เบอร์รี ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น แต่ควรเลือกผลไม้ที่ไม่เปรี้ยวจัดเพื่อลดการระคายคอ
  5. อาหารอ่อนและไม่เผ็ดจัด
    อาหารเผ็ดหรือรสจัดอาจกระตุ้นให้กรดไหลย้อนและทำให้กล่องเสียงระคายเคือง ควรเลือกอาหารอ่อน เช่น มันฝรั่งบด ข้าวต้ม หรือปลาอบ

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

  • อาหารทอดหรือมันมาก เพราะย่อยยากและกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน
  • แอลกอฮอล์และคาเฟอีน เนื่องจากทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเพิ่มความแห้งของกล่องเสียง
  • อาหารรสจัดและเผ็ดร้อน อาจเพิ่มการอักเสบและระคายเคืองมากขึ้น
  • การสูบบุหรี่และควันบุหรี่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของกล่องเสียงอักเสบเรื้อรังและมะเร็งกล่องเสียง

เคล็ดลับการดูแลเสียงในชีวิตประจำวัน

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกล่องเสียงอักเสบซ้ำและรักษาสุขภาพของเสียง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  1. พักเสียงเป็นระยะ
    หลีกเลี่ยงการใช้เสียงติดต่อกันนาน ๆ หากจำเป็นต้องพูด ควรหยุดพักเสียงทุก 30–60 นาที
  2. ใช้เสียงอย่างถูกวิธี
    ไม่ควรตะโกนหรือพูดแข่งกับเสียงดัง เช่น เสียงดนตรีหรือเสียงเครื่องจักร เพราะจะทำให้สายเสียงบวม
  3. ดื่มน้ำบ่อย ๆ
    การจิบน้ำบ่อยครั้งช่วยให้กล่องเสียงไม่แห้งและลดความเสี่ยงต่อการอักเสบ
  4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
    ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและทำให้ระบบทางเดินหายใจแข็งแรง
  5. จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
    ใช้เครื่องทำความชื้นในห้อง โดยเฉพาะในฤดูหนาวหรือพื้นที่ที่อากาศแห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อบุคอและสายเสียงแห้งเกินไป

กรณีศึกษาที่น่าสนใจ

มีรายงานผู้ป่วยที่ทำงานเป็นครูซึ่งใช้เสียงตลอดทั้งวัน มักมีอาการเสียงแหบเรื้อรังและเจ็บคอบ่อย ๆ หลังจากตรวจพบว่าเป็นกล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง แพทย์ได้แนะนำให้ทำกายภาพบำบัดเสียงร่วมกับการปรับพฤติกรรม เช่น พักเสียง ดื่มน้ำมากขึ้น และใช้ไมโครโฟนช่วยสอน ผลคืออาการดีขึ้นภายในไม่กี่เดือนและสามารถกลับมาใช้เสียงได้ตามปกติ

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า การรักษาไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้ยาเพียงอย่างเดียว แต่พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีผลต่อการฟื้นตัวเช่นกัน

แนวโน้มการรักษาในอนาคต

ในปัจจุบันมีการวิจัยเกี่ยวกับการใช้ เลเซอร์และคลื่นความถี่สูง เพื่อรักษาอาการเรื้อรังของกล่องเสียง รวมถึงการใช้ สเต็มเซลล์ (Stem cell therapy) เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อสายเสียงที่เสียหาย แม้ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ถือเป็นความหวังใหม่ของผู้ที่มีปัญหาเสียงแหบถาวร

สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกล่องเสียงอักเสบ

เพื่อให้ผู้อ่านจดจำและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น สามารถสรุปได้ดังนี้:

  1. กล่องเสียงอักเสบคืออะไร
    • ภาวะการอักเสบของกล่องเสียงหรือสายเสียง ทำให้เกิดเสียงแหบ พูดลำบาก และเจ็บเวลากลืนอาหาร
    • แบ่งเป็นแบบเฉียบพลัน (หายภายใน 1–2 สัปดาห์) และแบบเรื้อรัง (เกิน 3 สัปดาห์ขึ้นไป)
  2. สาเหตุหลัก
    • การติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
    • การใช้เสียงมากเกินไป
    • การสัมผัสควันบุหรี่ มลพิษ และสารก่อระคายเคือง
    • ภาวะกรดไหลย้อน
    • ปัจจัยอื่น เช่น ภูมิแพ้ เนื้องอก หรือยาบางชนิด
  3. อาการสำคัญ
    • เสียงแหบหรือเสียงหาย
    • เจ็บคอ เจ็บเวลากลืนอาหาร
    • ไอแห้ง มีเสมหะติดคอ
    • อาจมีไข้ต่ำและอ่อนเพลีย
  4. ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง
    • เสียงแหบเรื้อรัง
    • การตีบแคบของกล่องเสียง
    • การติดเชื้อแพร่กระจาย
    • มะเร็งกล่องเสียงในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  5. การรักษาและดูแลตนเอง
    • พักเสียงและดื่มน้ำมาก ๆ
    • เลือกรับประทานอาหารอ่อน ซุปอุ่น ๆ น้ำผึ้ง และผลไม้ที่มีวิตามินซี
    • หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัด แอลกอฮอล์ คาเฟอีน และการสูบบุหรี่
    • ใช้ยาลดอักเสบ ยาปฏิชีวนะ (ถ้าจำเป็น) หรือยาลดกรดตามคำแนะนำแพทย์
    • ทำกายภาพบำบัดเสียงหากเป็นเรื้อรัง
  6. การป้องกันในชีวิตประจำวัน
    • ใช้เสียงอย่างถูกวิธี ไม่ตะโกนหรือพูดแข่งกับเสียงดัง
    • รักษาความชุ่มชื้นของร่างกายและสิ่งแวดล้อม
    • ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ
    • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น ควันบุหรี่และมลพิษ
  7. ควรไปพบแพทย์เมื่อ
    • เสียงแหบหรือเจ็บคอไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์
    • มีอาการหายใจลำบาก กลืนอาหารไม่ได้
    • ไอเป็นเลือดหรือเสียงหายถาวร
    • มีประวัติสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์นานและมีเสียงเปลี่ยน

ข้อคิดท้ายบทความ

กล่องเสียงอักเสบแม้ดูเหมือนเป็นปัญหาสุขภาพเล็กน้อย แต่หากละเลยหรือปล่อยให้เรื้อรัง อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงได้ การใส่ใจสุขภาพเสียงของเราเองถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้เสียงเป็นเครื่องมือทำงาน เช่น ครู นักร้อง นักแสดง หรือวิทยากร การพักเสียงเป็นระยะ ดื่มน้ำมาก ๆ และรักษาสุขอนามัยของระบบทางเดินหายใจจะช่วยให้เสียงแข็งแรงและลดโอกาสเกิดโรคได้

ในท้ายที่สุด การรู้จักสังเกตสัญญาณเตือน เช่น เสียงแหบเรื้อรัง เจ็บเวลากลืนอาหาร หรือไอเป็นเลือด และรีบพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง คือกุญแจสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคกล่องเสียงอักเสบให้หายขาดได้อย่างปลอดภัย

กล่องเสียงอักเสบ: เสียงแหบและเจ็บเวลา กลืน อาหาร การ นั่ง นาน ๆ เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่? ระวัง! 6 พฤติกรรมประจำวันทำร้าย ผิว โดยไม่รู้ตัว
Timothy Peterson

Related Posts

ปราสาท โบดียัม: ปราสาทยุคกลางล้อมรอบด้วยคูน้ำอย่างสมบูรณ์แบบ

August 31, 2025

การตั้งแคมป์ ใจกลางทะเลทรายดานาคิลที่เปล่งประกายด้วยไฟ

August 30, 2025

การปฐมพยาบาลเ มื่อ มือลูกน้อยถูกสะเก็ดบาด

August 29, 2025

Comments are closed.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.