Close Menu
  • Home
  • ข่าวสารล่าสุด
  • ความบันเทิง
Facebook X (Twitter) Instagram
bikramyogaphuket
  • Home
  • ข่าวสารล่าสุด
  • ความบันเทิง
bikramyogaphuket
ข่าวสารล่าสุด

ความสามัคคี อาเซียน ยุทธศาสตร์เพื่อเอาชนะวิกฤตพลังงาน

Timothy PetersonBy Timothy PetersonJune 18, 2025No Comments2 Mins Read

อาเซียน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกต้องเผชิญกับความท้าทายด้านพลังงานและภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสงครามในยูเครน ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน หรือความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ วิกฤตเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบพลังงานโลกอย่างชัดเจน และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบเหล่านี้ได้

อย่างไรก็ตาม อาเซียน (ASEAN) ไม่ได้นิ่งเฉย หากแต่เริ่มรวมพลังวางกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และพลังงาน


ความท้าทายที่อาเซียนเผชิญ

  1. ราคาพลังงานผันผวนสูง
    ประเทศในอาเซียนจำนวนมากยังพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เมื่อราคาตลาดโลกเปลี่ยนแปลงรุนแรง ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาคและชีวิตประจำวันของประชาชน
  2. ความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์โลก
    ความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ เช่น สหรัฐอเมริกา–จีน หรืออิสราเอล–อิหร่าน ส่งผลทางอ้อมต่อเสถียรภาพของภูมิภาคผ่านช่องทางการค้า การลงทุน และความมั่นคงทางทะเล
  3. ช่องว่างด้านพลังงานสะอาดระหว่างประเทศสมาชิก
    แม้ว่าหลายประเทศในอาเซียน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย หรือฟิลิปปินส์ จะมีแผนการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนที่ก้าวหน้า แต่ก็ยังมีประเทศที่ขาดแคลนเทคโนโลยีและทุนในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

กลยุทธ์ใหม่ของอาเซียน: ความร่วมมือเพื่ออนาคตที่มั่นคง

1. การจัดตั้งเครือข่ายพลังงานภูมิภาค (ASEAN Power Grid)

โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศสมาชิกเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนพลังงานส่วนเกินระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากภายนอก

2. ส่งเสริมการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนร่วมกัน

อาเซียนเริ่มวางแผนความร่วมมือด้านพลังงานลม แสงอาทิตย์ และไฮโดรพาวเวอร์ โดยร่วมมือกับพันธมิตรอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว

3. การสร้างคลังสำรองพลังงานระดับภูมิภาค

มีการหารือถึงแนวคิดการจัดตั้งคลังสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำหรับใช้ในภาวะวิกฤต เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นจากภัยพิบัติหรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ

4. ขยายบทบาททางการทูตพลังงาน (Energy Diplomacy)

อาเซียนเริ่มดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานกับทั้งประเทศในเอเชียและตะวันตก เพื่อลดการพึ่งพาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะ


ตัวอย่างประเทศสมาชิกที่แสดงบทบาทโดดเด่น

  • เวียดนาม: เดินหน้าโครงการพลังงานลมชายฝั่งระดับโลก และตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2050
  • มาเลเซีย: พัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) ร่วมกับญี่ปุ่น
  • ไทย: ส่งเสริมระบบขนส่งไฟฟ้าและการใช้พลังงานโซลาร์เซลล์ในภาคอุตสาหกรรม

ความสำเร็จเบื้องต้นของความร่วมมือพลังงานอาเซียน

แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่หลายโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานในอนาคต:

1. โครงการเชื่อมโยงไฟฟ้าระหว่างลาว–ไทย–มาเลเซีย–สิงคโปร์ (LTMS-PIP)

นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญของโครงการ “ASEAN Power Grid” ที่เริ่มต้นเดินสายจริง ลาวซึ่งมีศักยภาพด้านไฟฟ้าพลังน้ำกลายเป็น “Battery of Southeast Asia” ส่งไฟฟ้าส่วนเกินผ่านไทยและมาเลเซียไปยังสิงคโปร์

  • ทำให้ประเทศปลายทางได้ใช้พลังงานสะอาดราคาถูก
  • เพิ่มความมั่นคงทางพลังงานของภูมิภาคในภาพรวม

2. การจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลพลังงานอาเซียน

อาเซียนได้จัดตั้ง “ASEAN Centre for Energy (ACE)” เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูล วิจัย และประสานงานด้านนโยบายพลังงาน ทำให้การกำหนดนโยบายมีฐานข้อมูลร่วม ลดความซ้ำซ้อน และสามารถกำหนดยุทธศาสตร์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น


ความท้าทายที่ยังต้องจับตา

แม้ความร่วมมือของอาเซียนจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดและอุปสรรคที่ต้องแก้ไขอย่างต่อเนื่อง:

1. ความเหลื่อมล้ำด้านเทคโนโลยีและเงินทุน

บางประเทศ เช่น กัมพูชา เมียนมา หรือลาว ยังขาดเงินทุนและความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ทำให้การพัฒนาพลังงานสะอาดไม่เท่าเทียมกับประเทศอื่น

2. โครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อมเต็มที่

แม้จะมีโครงการ ASEAN Power Grid แต่โครงสร้างสายส่งและระบบไฟฟ้าของบางประเทศยังไม่สามารถรองรับการแลกเปลี่ยนพลังงานข้ามพรมแดนได้อย่างเสถียร

3. การเมืองภายในประเทศสมาชิก

ความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือปัญหาภายใน ส่งผลให้บางประเทศมีนโยบายพลังงานไม่ต่อเนื่องหรือล่าช้า


แนวทางเสริมสร้างความเข้มแข็งระยะยาว

เพื่อให้อาเซียนสามารถบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานและความมั่นคงร่วมกันได้ จำเป็นต้องมีการดำเนินการเสริมในด้านต่าง ๆ ดังนี้:

  • การจัดตั้งกองทุนพลังงานอาเซียน เพื่อสนับสนุนประเทศที่มีทรัพยากรจำกัดให้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดได้
  • ผลักดันการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคประชาชน เช่น การสนับสนุนโซลาร์เซลล์ในครัวเรือนผ่านนโยบายร่วม
  • การเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนระดับภูมิภาค เพื่อเร่งการลงทุนข้ามประเทศในโครงสร้างพลังงานสีเขียว

อาเซียนในสายตาของโลก: บทบาทใหม่ในเวทีพลังงานโลก

ในอดีต อาเซียนมักถูกมองว่าเป็น “ผู้บริโภค” หรือ “ผู้รับผลกระทบ” จากนโยบายและความขัดแย้งด้านพลังงานของมหาอำนาจ แต่ในยุคปัจจุบัน ภูมิภาคนี้เริ่มเปลี่ยนบทบาทสู่ “ผู้กำหนดแนวทาง” โดยเฉพาะในประเด็นการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

1. อาเซียนในฐานะศูนย์กลางพลังงานหมุนเวียน

  • อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มีศักยภาพมหาศาลในด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal)
  • เวียดนามมีโครงการโซลาร์เซลล์และกังหันลมที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค
  • ลาวเป็นแหล่งพลังน้ำที่สำคัญของเอเชีย

การผนึกพลังของทรัพยากรเหล่านี้ทำให้อาเซียนสามารถเป็นผู้ส่งออกพลังงานสะอาดในอนาคต

2. แรงกดดันจากประชาคมโลก

การประชุม COP และเวทีโลกต่าง ๆ เริ่มเรียกร้องให้อาเซียนลดการปล่อยคาร์บอนและหันมาใช้พลังงานสะอาด อาเซียนจึงต้องเร่งดำเนินการในกรอบความยั่งยืนให้ทันกับข้อผูกพันระดับสากล เช่น

  • เป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี 2060
  • การยุติการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักภายในทศวรรษนี้

3. อาเซียนในบทบาทกลางทางภูมิรัฐศาสตร์

ภูมิศาสตร์ของอาเซียนตั้งอยู่ระหว่างมหาอำนาจ เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย จึงสามารถใช้บทบาท “ตัวกลาง” เพื่อเป็นทางเลือกด้านพลังงาน ทั้งในรูปแบบ

  • ความร่วมมือด้านการจัดเก็บและถ่ายโอนพลังงาน
  • เส้นทางขนส่งพลังงานทางทะเล (Maritime Energy Corridor)

การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน: พลังจากฐานราก

การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานจะยั่งยืนได้ ก็ต่อเมื่อภาคประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง อาเซียนจึงเริ่มส่งเสริมความตื่นตัวด้านพลังงานในระดับท้องถิ่น เช่น:

  • โครงการโซลาร์รูฟท็อปในชุมชน
  • การให้ทุนสนับสนุนธุรกิจพลังงานสีเขียวขนาดเล็ก (SMEs)
  • การรณรงค์ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในครัวเรือน

แนวโน้มในอนาคต: โอกาสที่มาพร้อมความเสี่ยง

แม้ว่าอาเซียนจะมีทิศทางการรวมพลังที่น่าชื่นชม แต่ก็ยังต้องเผชิญความเสี่ยงหลายด้าน เช่น:

  • การเปลี่ยนแปลงนโยบายกะทันหันจากการเมืองภายในประเทศสมาชิก
  • ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ส่งผลต่อระบบพลังงาน
  • การแข่งขันแย่งชิงทรัพยากรจากมหาอำนาจที่เข้ามาลงทุนในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม หากสามารถรักษาหลัก “พหุภาคี–สามัคคี–ยั่งยืน” ไว้ได้ อาเซียนก็มีศักยภาพจะกลายเป็น ภูมิภาคต้นแบบ ของโลกในการบริหารจัดการพลังงานในยุคเปลี่ยนผ่าน

การเปลี่ยนผ่านพลังงาน: โอกาสทองของเศรษฐกิจสีเขียวในอาเซียน

เมื่อโลกเร่งเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด อาเซียนย่อมไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป และที่สำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียง “ภาระ” หากแต่มาพร้อม “โอกาส” ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ:

1. การจ้างงานใหม่จากอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด

  • โครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลมต้องการแรงงานจำนวนมาก ทั้งในการติดตั้ง บำรุงรักษา และบริหารจัดการ
  • ส่งเสริมอาชีพใหม่ เช่น วิศวกรพลังงานสะอาด ผู้พัฒนาโซลูชันเทคโนโลยี IoT ด้านพลังงาน

2. ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก

  • นักลงทุนและบริษัทรายใหญ่ต้องการย้ายฐานผลิตมายังภูมิภาคที่มีต้นทุนพลังงานสะอาดต่ำและมั่นคง
  • ประเทศอย่างเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เริ่มเห็นการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนสีเขียวจากยุโรปและเอเชียตะวันออก

3. โอกาสในการส่งออกเทคโนโลยีและโมเดลการจัดการพลังงาน

  • อาเซียนสามารถพัฒนาโซลูชันที่เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนาอื่น เช่น ระบบไมโครกริด ระบบการจัดเก็บพลังงานต้นทุนต่ำ ซึ่งตอบโจทย์ประเทศในแอฟริกาและเอเชียใต้

ความร่วมมือกับนานาชาติ: เสริมพลังการเปลี่ยนผ่าน

เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานมีประสิทธิภาพ อาเซียนจำเป็นต้องเสริมพันธมิตรในระดับโลกมากขึ้น:

  • ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้: ให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงานและไฮโดรเจน
  • สหภาพยุโรป: สนับสนุนทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด
  • ธนาคารโลกและ ADB: ช่วยจัดตั้งกองทุนพิเศษสำหรับประเทศที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ
  • จีน: สนับสนุนการเชื่อมโยงระบบโครงข่ายไฟฟ้าในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

คำแนะนำเชิงนโยบาย: เสริมความมั่นคง-สร้างอนาคต

เพื่อให้อาเซียนเดินหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ควรพิจารณาในระยะยาว:

  1. สร้างกรอบนโยบายพลังงานอาเซียนที่บูรณาการมากขึ้น
    เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านมีทิศทางร่วมกัน ลดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาแต่ละประเทศ
  2. ยกระดับการศึกษาและฝึกอบรมด้านพลังงานสีเขียว
    สนับสนุนแรงงานที่มีทักษะรองรับเทคโนโลยีอนาคต
  3. ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาภายในภูมิภาค
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนในเวทีโลก

บทส่งท้าย: อาเซียนในศตวรรษแห่งพลังงานสะอาด

1. จากวิกฤตสู่การกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาว

อาเซียนได้เรียนรู้จากวิกฤตพลังงานและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ว่า ความมั่นคงพลังงานไม่ใช่เรื่องของการพึ่งพาแหล่งพลังงานเดิมหรือพันธมิตรต่างชาติเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการพัฒนา “ระบบที่ยืดหยุ่นและพึ่งตนเองได้” ในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น

การลงทุนในพลังงานสะอาด การสร้างระบบเชื่อมโยงพลังงาน และการให้ประชาชนมีบทบาทในระดับฐานราก คือหัวใจสำคัญที่เปลี่ยนพลังงานจากความเสี่ยงให้เป็น “ต้นทุนแห่งโอกาส”


2. อาเซียนในฐานะต้นแบบของความร่วมมือระดับภูมิภาค

โลกกำลังเผชิญปัญหาพลังงานและภูมิรัฐศาสตร์คล้ายคลึงกันในหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นแอฟริกา ลาตินอเมริกา หรือเอเชียใต้
ความสำเร็จของอาเซียนในการออกแบบกลไกความร่วมมือพลังงานที่ยืดหยุ่น ไม่ขึ้นอยู่กับอุดมการณ์การเมือง เป็นบทเรียนสำคัญว่า “การรวมพลังเพื่ออยู่รอดร่วมกัน” มีพลังมากกว่าการแข่งขันเพื่อตัวเอง


3. เป้าหมายที่ต้องร่วมผลักดันต่อไป

เป้าหมายตัวชี้วัดที่คาดหวังภายในปี 2035
เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอย่างน้อย 35% ของการใช้พลังงานทั้งหมด
เชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าระดับภูมิภาคครอบคลุมทุกประเทศสมาชิกอาเซียน
ลดการพึ่งพาถ่านหินต่ำกว่า 20% ของแหล่งพลังงานหลัก
จัดตั้งกองทุนร่วมด้านพลังงานสะอาดมูลค่ารวมมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

4. เสียงสะท้อนจากภาคประชาชนและเยาวชน

ในหลายประเทศอาเซียน เยาวชนเริ่มมีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายพลังงานสะอาด เช่น:

  • กลุ่มนักศึกษาในอินโดนีเซียที่รณรงค์เรื่อง Net Zero University
  • กลุ่มพัฒนาแอปฯ การติดตามการใช้พลังงานในครัวเรือนของไทย
  • เครือข่ายเยาวชนในฟิลิปปินส์ที่ร่วมออกแบบโครงการไมโครกริดในพื้นที่ห่างไกล

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องของรัฐหรือธุรกิจ แต่เป็นพลังร่วมของคนทุกวัย ทุกระดับในสังคม

Timothy Peterson

Related Posts

การออกกำลังกายที่ปลอดภัยสำหรับหญิง ตั้งครรภ์ ประเภทและประโยชน์

June 24, 2025

ควร ล้างหน้า หลังจากเหงื่อออกเมื่อไรจึงจะดีที่สุด

June 22, 2025

ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อโรคหืดใน เด็ก บทบาทของพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม

June 21, 2025

Comments are closed.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.