Close Menu
  • Home
  • ข่าวสารล่าสุด
  • ความบันเทิง
  • สุขภาพ
Facebook X (Twitter) Instagram
bikramyogaphuket
  • Home
  • ข่าวสารล่าสุด
  • ความบันเทิง
  • สุขภาพ
bikramyogaphuket
สุขภาพ

ควรไปพบแพทย์เมื่อไรหากมีอาการ เสียง แหบ?

Timothy PetersonBy Timothy PetersonSeptember 8, 2025No Comments2 Mins Read

เสียง เป็นหนึ่งในเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ ไม่ว่าจะใช้ในการทำงาน การเรียน หรือการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่บ่อยครั้งเราพบว่าเสียงของตนเองเปลี่ยนไป โดยเฉพาะภาวะเสียงแหบ ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนมักมองข้าม อาการเสียงแหบอาจเกิดขึ้นชั่วคราวจากการใช้เสียงมากเกินไปหรือการติดเชื้อเล็กน้อย แต่บางครั้งเสียงแหบก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์

บทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุของเสียงแหบ สัญญาณอันตรายที่ควรระวัง และแนวทางว่าเมื่อใดควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง


สาเหตุทั่วไปของเสียงแหบ

ก่อนตัดสินใจว่าจะไปพบแพทย์เมื่อใด เราควรรู้จักสาเหตุพื้นฐานของอาการเสียงแหบเสียก่อน

  1. การใช้เสียงมากเกินไป
    การพูดหรือตะโกนต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น ครู นักร้อง หรือผู้ที่ต้องบรรยายบ่อย ๆ อาจทำให้สายเสียงอ่อนล้าและเกิดการอักเสบชั่วคราว
  2. การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน
    เช่น หวัด คออักเสบ หรือหลอดลมอักเสบ ซึ่งมักทำให้เสียงแหบร่วมกับอาการไอ เจ็บคอ และมีเสมหะ
  3. การระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม
    การสูบบุหรี่ ฝุ่น ควัน มลภาวะ หรือแม้แต่การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ล้วนทำให้สายเสียงบวมและเสียงเปลี่ยนไป
  4. กรดไหลย้อน (GERD)
    กรดจากกระเพาะอาหารที่ย้อนขึ้นมาที่คอหอยและกล่องเสียงสามารถทำให้เสียงแหบ โดยเฉพาะในตอนเช้า
  5. การแพ้หรือภูมิแพ้
    ภาวะแพ้อากาศหรือสารก่อภูมิแพ้อาจทำให้คอบวมและส่งผลให้เสียงผิดปกติ
  6. การบาดเจ็บของสายเสียง
    เกิดจากการผ่าตัดคอ กล่องเสียง หรือจากการใส่ท่อช่วยหายใจ

แม้สาเหตุเหล่านี้จะพบได้บ่อยและส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง แต่ก็มีหลายกรณีที่เสียงแหบเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรง เช่น เนื้องอกกล่องเสียง มะเร็งคอ หรือโรคทางประสาทที่มีผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อเสียง


สัญญาณอันตรายที่ควรไปพบแพทย์ทันที

แม้เสียงแหบชั่วคราวจะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเสมอไป แต่หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์ทันที

  1. เสียงแหบต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์
    หากเสียงไม่กลับมาเป็นปกติภายใน 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะในผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ ควรเข้ารับการตรวจ
  2. เสียงแหบที่แย่ลงเรื่อย ๆ
    หากเสียงเริ่มอู้อี้หรือพร่ามากขึ้น แสดงว่าสายเสียงอาจมีพยาธิสภาพ เช่น ปมเสียง ซีสต์ หรือก้อนเนื้อผิดปกติ
  3. มีอาการเจ็บคอเรื้อรังหรือกลืนลำบาก
    เจ็บคอที่ไม่หายแม้ไม่ได้ติดเชื้อ หรือรู้สึกกลืนติดเหมือนมีก้อนในคอ เป็นสัญญาณที่ต้องตรวจสอบ
  4. หายใจลำบากหรือหอบเสียงดัง
    หากเสียงแหบร่วมกับการหายใจติดขัด อาจบ่งบอกว่ากล่องเสียงบวมจนตีบ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์
  5. มีเลือดออกหรือเสมหะปนเลือด
    อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบรุนแรงหรือโรคมะเร็งในบริเวณกล่องเสียงและคอ
  6. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
    ร่วมกับเสียงแหบเรื้อรัง อาจสัมพันธ์กับโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งกล่องเสียงหรือมะเร็งคอหอย
  7. มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็งทางเดินหายใจส่วนบน
    ผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมควรเข้ารับการตรวจเร็วกว่าในคนทั่วไป

การวินิจฉัยโดยแพทย์

เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์หู คอ จมูกจะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น กล้องส่องกล่องเสียง (Laryngoscopy) เพื่อตรวจดูสายเสียงอย่างละเอียด

หากพบความผิดปกติ เช่น ติ่งเนื้อ ซีสต์ หรือก้อนที่สงสัยว่าเป็นมะเร็ง อาจต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติม การตรวจที่แม่นยำและรวดเร็วจะช่วยให้การรักษาได้ผลดีกว่า


แนวทางการดูแลเบื้องต้น

ก่อนที่จะได้พบแพทย์หรือในกรณีเสียงแหบจากสาเหตุเล็กน้อย สามารถดูแลตนเองได้ดังนี้

  • พักเสียง: หลีกเลี่ยงการพูดหรือตะโกนมากเกินไป
  • ดื่มน้ำมาก ๆ: รักษาความชุ่มชื้นของคอและสายเสียง
  • หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง: เช่น ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ หรืออาหารรสจัด
  • ใช้ความชื้นในอากาศ: เช่น เครื่องทำความชื้นในห้อง เพื่อป้องกันคอแห้ง
  • ควบคุมกรดไหลย้อน: หลีกเลี่ยงการกินอิ่มก่อนนอน และงดอาหารมันหรือเผ็ด

หากปฏิบัติแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง


การรักษาเมื่อพบสาเหตุ

วิธีรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แพทย์วินิจฉัยได้ เช่น

  • ติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย: ใช้ยาลดการอักเสบหรือยาปฏิชีวนะ
  • ปมเสียงหรือซีสต์: อาจต้องทำกายภาพบำบัดเสียงหรือผ่าตัดเล็ก
  • กรดไหลย้อน: ใช้ยาลดกรดและปรับพฤติกรรมการกิน
  • มะเร็งกล่องเสียง: ต้องได้รับการรักษาเฉพาะทาง เช่น ผ่าตัด ฉายแสง หรือให้เคมีบำบัด

ตารางสัญญาณอันตรายของเสียงแหบที่ควรไปพบแพทย์

อาการร่วมกับเสียงแหบความหมายที่อาจซ่อนอยู่ควรทำอย่างไร
เสียงแหบเกิน 2 สัปดาห์อาจเป็นปมเสียง ซีสต์ หรือก้อนเนื้อพบแพทย์หู คอ จมูก
เสียงแหบแย่ลงเรื่อย ๆความผิดปกติของสายเสียงที่ลุกลามตรวจส่องกล่องเสียง
เจ็บคอเรื้อรัง / กลืนลำบากการอักเสบเรื้อรังหรือก้อนในคอตรวจโดยแพทย์เฉพาะทาง
หายใจลำบาก มีเสียงหวีดกล่องเสียงบวม อันตรายถึงชีวิตไปโรงพยาบาลทันที
ไอหรือเสมหะปนเลือดสัญญาณอันตรายของมะเร็งคอหอย/กล่องเสียงต้องตรวจด่วน
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุอาจเป็นโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งพบแพทย์ทันที

ข้อคิดเพื่อการดูแลเสียง

เสียงไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร แต่ยังเป็นเอกลักษณ์และพลังชีวิตที่สะท้อนตัวตนของแต่ละคน อาการเสียงแหบอาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ในบางกรณีกลับเป็นสัญญาณเตือนโรคที่ต้องรีบรักษา การรู้เท่าทันสัญญาณอันตรายและไม่ละเลยอาการผิดปกติ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยรักษาสุขภาพเสียงและสุขภาพโดยรวม

อย่ารอจนกว่าเสียงจะหายไป จงฟังเสียงของร่างกายตั้งแต่วันนี้ หากเสียงแหบไม่ดีขึ้นหรือมีอาการร่วมที่น่ากังวล ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง เพราะการดูแลเสียงก็คือการดูแลชีวิตและคุณภาพการสื่อสารที่ทำให้เรายังเชื่อมโยงกับโลกและผู้คนรอบตัวได้อย่างสมบูรณ์

เคล็ดลับการป้องกันไม่ให้เสียงแหบง่าย

  1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    น้ำคือสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาความชุ่มชื้นของสายเสียง ควรดื่มน้ำเปล่าเป็นประจำวันละ 6–8 แก้ว หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมากเกินไป เพราะจะทำให้คอแห้ง
  2. พักเสียงเมื่อใช้มากเกินไป
    หากต้องพูด ร้องเพลง หรือสอนต่อเนื่อง ควรจัดเวลาพักเสียงบ้าง การให้กล่องเสียงได้หยุดทำงานช่วยป้องกันการบวมและอักเสบ
  3. ใช้เทคนิคการพูดและหายใจที่ถูกต้อง
    พูดด้วยเสียงปกติ หลีกเลี่ยงการตะโกนหรือการกระซิบแรง ๆ ฝึกการหายใจลึกจากกระบังลมเพื่อช่วยลดแรงกดบนสายเสียง
  4. รักษาสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
    ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในห้องหากอากาศแห้ง หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ฝุ่น และสารระคายเคืองต่าง ๆ ที่อาจทำลายกล่องเสียง
  5. ดูแลสุขภาพโดยรวม
    พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การมีร่างกายแข็งแรงจะช่วยให้ระบบทางเดินหายใจและสายเสียงทำงานได้ดี
  6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
    เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือการร้องเพลง/พูดเสียงดังในระยะเวลานาน เพราะทั้งหมดนี้เพิ่มโอกาสเกิดเสียงแหบได้ง่าย

สรุป

เสียงแหบอาจเป็นอาการเล็กน้อยที่หายได้เอง แต่ก็อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ร้ายแรง หากเสียงแหบต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ หรือมีอาการผิดปกติร่วมด้วย เช่น เจ็บคอเรื้อรัง กลืนลำบาก หายใจติดขัด หรือมีเลือดปนในเสมหะ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

การดูแลเสียงด้วยการดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอ ใช้เทคนิคการพูดที่ดี และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง จะช่วยให้เสียงแข็งแรงและลดโอกาสการเกิดเสียงแหบได้ในระยะยาว

เสียงคือพลังและเครื่องมือสื่อสารที่ทรงคุณค่า การใส่ใจดูแลตั้งแต่วันนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันโรค แต่ยังทำให้เราสามารถใช้เสียงอย่างมั่นใจและมีคุณภาพตลอดไป

การออกกำลังกายที่ปลอดภัยสำหรับหญิง ตั้งครรภ์ ประเภทและประโยชน์ ค้นพบมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทย: วัด การเต้นรำ และอาหาร ควรไปพบแพทย์เมื่อไรหากมีอาการ เสียง แหบ? ระวัง! 6 พฤติกรรมประจำวันทำร้าย ผิว โดยไม่รู้ตัว
Timothy Peterson

Related Posts

หลับสบายแม้มีอาการคัด จมูก เคล็ดลับและวิธีแก้ไข

September 17, 2025

ความผิดพลาดในการใช้ยา? นี่คือ วิธี รับมือ

September 13, 2025

สาเหตุของอาการปวดหลังจากการ นอน หลับมากเกินไป

September 12, 2025

Comments are closed.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.